ตามตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งที่พระเจ้าหยก (Jade Emperor) ต้องการกำหนดวิธีการนับปีให้กับมนุษย์ พระองค์จึงจัดการแข่งขันว่ายน้ำข้ามแม่น้ำ โดยเชิญสัตว์ทั้งหมดมาเข้าร่วม สัตว์ 12 ชนิดแรกที่ว่ายข้ามแม่น้ำได้สำเร็จจะได้เป็นตัวแทนของ 12 ปีในรอบปฏิทิน
“หนูเป็นสัตว์ตัวแรกที่ถึงฝั่ง โดยการขี่หลังวัว แล้วกระโดดลงก่อนถึงฝั่ง
วัวมาเป็นอันดับสอง
เสือมาเป็นอันดับสาม
กระต่ายมาเป็นอันดับสี่ โดยการกระโดดบนก้อนหินและท่อนไม้
มังกรมาเป็นอันดับห้า แม้จะบินได้ แต่แวะช่วยสัตว์อื่นๆ ระหว่างทาง
งูมาเป็นอันดับหก โดยการเลื้อยพันอยู่บนขาม้า
ม้ามาเป็นอันดับเจ็ด
แพะมาเป็นอันดับแปด
ลิงมาเป็นอันดับเก้า
ไก่มาเป็นอันดับสิบ
สุนัขมาเป็นอันดับสิบเอ็ด แม้จะว่ายน้ำเก่ง แต่เล่นน้ำเพลินจนมาช้า
หมูมาเป็นอันดับสุดท้าย เพราะหยุดกินและนอนระหว่างทาง”
นี่คือที่มาของสัตว์ประจำ 12 ปีนักษัตรในปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งแต่ละปีจะมีสัตว์ประจำปีหมุนเวียนกันไป และชาวจีนเชื่อว่าคนเกิดในปีใดจะมีลักษณะนิสัยคล้ายกับสัตว์ประจำปีนั้นๆ ปฏิทินจันทรคติและระบบนักษัตรยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในวัฒนธรรมจีนสมัยใหม่และในประเทศที่มีชุมชนจีนขนาดใหญ่ แบรนด์ต่างๆ มักใช้โอกาสนี้ในการสร้างความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมกับลูกค้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายใช้สอยสูง
เช่นในปี 2022 (ปีเสือ) Gucci ออกคอลเลคชั่น “Gucci Tiger” ซึ่งมีลวดลายเสือบนเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับต่างๆ หรือ Louis Vuitton: ในปี 2023 (ปีกระต่าย) แบรนด์นี้ออกคอลเลคชั่นพิเศษที่มีลวดลายกระต่ายน่ารักบนสินค้าหลายชิ้น รวมถึงกระเป๋า Petit Sac Plat ที่มีรูปกระต่ายวาดด้วยมือ