การทำงานบิล
สั่งทําบิลเงินสด บิลคือ เอกสารจำพวกหนึ่งที่ใช้ในการทำธุรกิจต่างๆ บิลมีด้วยกันหลากหลายประเภท แตกต่างกันไปทั้งหน้าตา ขนาด และการใช้งาน
ในการทำธุรกิจจะต้องมีการติดต่อกันตลอด ไม่ว่าจะเป็นระหว่างบริษัทกับบริษัท หรือระหว่างบริษัทกับลูกค้าหรือผู้รับบริการ
และในการติดต่อกันอย่างเป็นทางการนั้นก็ต้องมีการใช้เอกสารเข้ามาเกี่ยวข้อง เอกสารทางธุรกิจเหล่านั้น ก็ถูกเรียกกันแบบง่ายๆ ว่า “บิล”
ความต้องการในการใช้บิลในประเทศไทยก็ถือได้ว่าสูงมากๆ มีการใช้บิลในการทำธุรกิจเป็นล้านแผ่นต่อปี ด้วยในความต้องการที่มากมายมหาศาลขนาดนั้น
จึงทำให้เกิดธุรกิจในการรับพิมพ์รับผลิตบิลของแต่ละบริษัทขึ้นมา เพื่อความต้องการที่จะให้บิลเหล่านั้นน่าเชื่อถือมากที่สุด
ในหลายๆ บริษัทจึงได้ทำการสั่งพิมพ์บิลในจำนวนมาก เพื่อเก็บไว้ใช้เป็นของเฉพาะบริษัทของตนเอง
และบิลที่สั่งผลิตขึ้นมานั้นก็จะต้องมี ชื่อ ที่อยู่ ของบริษัทที่เขาได้สั่งผลิต เพื่อให้ผู้ที่ได้รับได้เห็นถึงความเป็นมาตรฐาน และเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัทนั้นๆ
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องของความน่าเชื่อถือแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่ทำให้ต้องใส่ชื่อ ที่อยู่ ของบริษัทลงไปในบิล แต่เพื่อให้สามารถใช้เป็นหลักฐานทางธุรกิจ
และเพื่อที่จะสามารถเอาผิดได้จริงในชั้นศาล ในกรณีที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ทำตามที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ อย่างเช่น ลูกค้าหรือผู้รับบริการไม่จ่ายเงินค่าสินค้าหรือค่าบริการ
ผู้ขายรับเงินมัดจำแล้ว แต่ไม่ได้ทำการผลิตสินค้า ผูให้บริการไม่ได้ให้บริการตามที่ตกลงกันไว้ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าที่ผมกล่าวยกตัวอย่างมานั้น
จะเป็นกรณีการผิดสัญญาของทั้ง ลูกค้าหรือผู้รับบริการ ผู้ผลิตสินค้า และผู้ให้บริการ นั้นหมายความว่า
เอกสารทางกฎหมายเหล่านี้ไม่ได้มีใว้เพียงเพื่อที่จะปกป้องแค่เพียงผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเท่านั้นแต่มันใช้สำหรับเพื่อปกป้องและป้องกันการโกงของทุกฝ่าย
ถึงแม้มันไม่ได้ช่วยทำให้คุณไม่ถูกโกง แต่มันช่วยให้คุณสามารถเอาผิดกับผู้ที่คิดจะโกงคุณได้
บิลมีหลากหลายแบบโดยแตกต่างกันที่ จุดประสงค์ของการใช้งาน และรูปแบบของแต่ละบริษัท จึงทำให้มีชื่อที่เรียกบิลแต่ละประเภท ที่แตกต่างกันออกไป
ยกตัวอย่างเช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญจ่าย ใบวางบิล ใบสั่งสินค้า เป็นต้น ซึ่งบิลบางประเภทก็สามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ก็ต้องระบุชื่อให้ชัดเจนด้วย
เพื่อให้มันมีผลทางกฎหมาย อย่างเช่นบิลบางใบจะเขียนว่า “ใบเสร็จรับเงิน/ใบวางบิล/ใบส่งสินค้า” เพราะในส่วนของรายละเอียดเหมือนกันทุกประการ
จึงทำให้สามารถใช้รูปแบบของบิลร่วมกันได้ หรือในบางกรณี ก็อาจจะมีเขียนบอกว่าเอกสารชุดนี้เป็นเอกสารต้นฉบับหรือเอกสารสำเนา ซึ่งก็มีผลทางกฎหมายที่แตกต่างกันออกไปด้วย